มาแล้วครับ บทสุดท้ายท้ายสุด...อินดิเคเตอร์ของการพักรอบ พักยก
ช่วงนี้ก็ชกนม...เอ๊ย ชกลมกันไปก่อน
หุ้นบลูชิปปออัปัน...ฝรั่งขาย
เราไม่กลัว...เรากลัวอย่างเดียวคือ
เจ้ารายใหญ่หลายๆกลุ่มที่จับมือกัน
สร้างอารมณ์ตลาด...ได้เริ่มพอใจในกำไรและขายแล้ว...อารมณ์แบบนี้ เมื่อเล่นตามเจ้า...เจ้าขาย...เราจะอย่เล่นทำไม
หุ้นไม่มีรายใหญ่คุม
ไม่มีคนทำราคา...เม่ากะเม่าเว้ากันเอง...หุ้นมีแต่จะค่อยๆดิ่งๆค่อยซึม
ลง...ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ...เพราะเมื่อซึมจนคนเอียน+ราคาเตี้ยติด ดิน
....เขาค่อยมาช้อนมาเก็บเพื่อขึ้นรอบใหม่ ให้เราได้เล่นกันใหม่
....แต่ ตอนนี้
รายใหญ่บิ๊กๆส่งสันยานว่า"ตรูพอใจในกำไรแล้ววว...ตรูไปหล่ะ"....ฉะนั้นเรา
อย่าอยู่ดอยคอยรอบใหม่เด็ดขาดนะครับ...เขาไปเราก็ไป
...ถ้ามีกำไรอยู่ก็ อย่าเสียดายหุ้นเลย
ทะยอยขายเอากำไรออกมาบ้างกันดีกว่า...เผื่อมันซึมยาว กำไรหมด อดกันพอดีครับ
...แต่ถ้าขาดทุน....อย่าให้ขาดทุนเพิ่มกว่าเดิมนะ
ครับ
เป็นเหตุบังเอิญที่เกิดพร้อมกันหรือเปล่า...ในวันตลาด
เขียว?
....เรา...
1.ขายเพื่อรักษาโอกาสหรือเพื่อรักษากำไร
2.และ คัทตามจุดหรือตามวินัยพอเป็นกันบ้าง
กรณีเข้าหุ้นคร่อมจังหวะไม่รอพักตัว(แม้อาจยังไม่คล่อง)
อาจพอเอาตัว รอดได้กันบ้างนะครับ
ผมเองวันนี้ก็โดนครับ...คัทฉับๆๆๆๆๆ
แสบจิ๊ดๆๆๆๆ -4.5 ช่อง(ตอนแรกทะยอยคัท -3.5ช่อง...แต่ดันไปรับมาแสบ...โดนอีก
1ช่อง...สบายเลย)...เจ้าไม่ดีดไม่เด้งให้ออกตัวได้เลย
...เง้อ...และ วันนี้น้องผมไม่สบาย ไปอยู่เป็นเพื่อนเขา
เลยไม่ได้ตอบหลังบ้านสักคน...ถ้าท่านใดต้องคัทต้องแสบต้องคันเหมือนกัน...ขอ
อำไพกันนะครับ
เสียดายที่ผมมาเริ่มต้นให้ช้าไป...ถ้าเริ่มช่วงตั้งแต่
ต้นปี ช่วงตลาดขาขึ้น
เราจะสนุกกันมากกว่านี้
และเห็นผลของมันมากกว่านี้
...เงื่อ ไขแรกๆเราคือ ต้องเล่นหุ้นขาขึ้น
และรวมถึงตลาดที่มีอารมณ์เป็นขาขึ้นด้วย...สันยานวันนี้...ผมว่าชัดพอสมควร ครับ
...แต่ต่อนี้ไป...ผมว่าเราต้องพักก่อนครับ...รออารมณ์ตลาดให้
ดีๆก่อน..ค่อยลุยกันใหม่ครับ
kkc...ผมตั้งขายไม้แรกได้ 6.0
และ 5.95 .... ทุน 5.8
แต่ ผมก็ดนไปรับกลับที่ 5.75....รับแล้วหลุดเลย...อิอิอิ...เลยเจ้าครับ
อย่างที่ว่า...เราแค่หยุดพัก...แต่ไม่หยุดถาวร
คน เล่นหุ้น...ต้องรู้ด้วยว่าช่วงเวลาใดควรเล่น
เวลาใดควรหยุด
รายใหญ่
ระดับพันล้านส่งสันยานขนาดนี้...รายใหญ่ขนาดสิบล้านร้อยล้าน
จะเหลือสักกี่รายที่ไม่ปล่อยให้หุ้นหมดรอบ...เพื่อปล่อยราคาลง เอาของคืน
...ราย
ใหญ่ไอคิวเขาระดับไหน...เทคนิคเราอาศัยเล่นตามเขา...เขาพักเราเก็บ
เขาดีดเราขาย...เขาพักเราเก็บ...เขาดีดเราขาย...ไปเรื่อยๆจนหมดรอบ
แต่
สันยานสุดท้ายที่น่าจะสันยานว่าเขายขาย...เราก็เผ่น
...อาจแสบๆบ้าง... แต่ก็ให้นึกถึงตอนที่เก็บมาก่อนหน้านี้ตอนพักซื้อ...ดีดขาย
ที่สลับฟันปลามาเรื่อยๆ แบบนี้ถือว่าไม่เป็นไรครับ
เสียดายที่เนื้อหายังไม่ครบถ้วนเลย
...มาดูสัน
ยานที่มีแนวโน้มว่าหุ้นอาจหมดรอบหุ้นกัน...เผื่อวันข้างหน้าได้งัดมันมาใช้
ได้ทันท่วงทีกว่านี้กัน
ทิปโก้...วันนี้โวลุ่มส์การเล่นหาแบบนี้
อย่างที่เขาเรียกว่าโวลุ่มส์บวม...นั้นคือประมาณมากกว่า 2-3
เท่าของโฟลท200 ขึ้นไป ...เจอแท่งแดงแบบนี้...ไม่ต้องไปตี 1/3
ไม่ต้องหาจุดพักตัว...เผ่นครับ
ถ้ายังมีกำไร อย่าคิดมาก...ทะยอยขาย
ถ้า ออกไม่ทัน ติดงาน คีย์ขายคัทดันไปคีย์ซื้อแทน(อิอิ
ผมสมมุติครับ)
1.ตั้ง ขายที่ราคาสูงกว่าปิดวันนี้สักสามสี่ช่อง
สัก 1ไม้
2.ขายเลย จบเกมส์ ไม่คิดมาก
3.ถ้าทำท่าลงอีกไม่หยุด...ขายให้หมด
...อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้ง 3
อย่าง....
.....................ติดหุ้น..เข้าใจดีครับ ว่ายากที่จะจัดการถ้าคัทไม่ทันที่จุดที่เหมาะสม...แต่มีแนวคิดที่เป็นเรื่อง
ปกติอยู่ว่า
...ถ้าคัทขายแล้วหุ้นขึ้น
ต้องยอมรับและทำใจ....ส่วนไม่ขายไม่คัทแล้วลงลึกลงต่อ...แบบนี้เสียหาย
มากกว่าแบบแรกอย่างเปรียบกันไม่ได้เลยครับ
อารมณ์ทิ้งดิ่งหุ้นตอนหมดรอบแบบนี้...ผมเคยเจอมาก่อน
หลายรอบ
จึงอยากให้เล่นแบบหาสันยานเพิ่งเริ่ม...ถ้าอดไม่ได้จริง
เมื่อขึ้นไปแรงๆแล้วต้องรอพักตัวก่อนจึงเข้า
ถ้าต้องคัท...ก็ไม่เจ็บ มาก
และที่สำคัญ ไม่ว่าเล่นหุ้นอะไร แบ๊งค์ พลังงาน
ปิโตร...พลาดต้องคัท...จะมาวีไอตอนเซ็ตพันสองร้อยกว่าจุดไม่ได้
...เพราะ กรณีที่ทนติดดอย ลำพังปันผลปีละ 5-6%
เทียบไม่ได้หรือแทบไม่มีค่าอะไรเลยกับความรู้สึกที่ไม่ดีของเราเมื่องพอร์ท ตัวเอง
-50%
....คัทไม่ทัน -10% ก็ยังไม่ถือว่าสายไปที่จะคัทกันนะครับ
เห็นความผิดปกติที่เป็นปกติของตลาดหุ้นมั๊ยครับ...คิด
ว่าคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...ให้ดูไม่ให้กลัว
เรื่องธรรมชาติ...กว่า
เจ้าเขาจะลากมาขนาดนี่ได้
เขาทุ่มเทและเหนื่อยขนาดไหน...ต้องเสียเปรียบพวกเข้าพักตัว ดีดขายมาก...
ดู
การทำงานเป็นทีมในการสร้างอารมณ์ตลาดวันนี้....บ่ายมาดัน(เดาว่าดัน)จนตลาด
เขียวสวนชาวบ้าน สับโยกสับโยก...ขายหมดหรือพอใจในกำไรแล้วแล้ว...ไปหล่ะ...เล่นกันเองหล่ะกัน
เล่น หุ้นปออันปัน...รอบสุดท้าย
ยังไงเราก็ต้องเจอ...แต่เราไม่ต้องกลัว
1.หา สันยานแต่เนิ่นๆ...ขี้เกียจดีดขาย
พักตัวรับกลับ...ดีดขาย พักตัวรับกลับ...ก็ถือยาวเป็นเดือนไปเลยก็ได้ ง่ายดี
...เจอสันยานแบบนี้
ค่อยขายตามเขาทีเดียว...ยังไงก็ควรมีกำไรอยู่แล้ว
อาจมากว่ารอบสองสามวันกหรือรอบอาทิตย์ก็ได้(ชอบใครชอบมัน...ส่วนผมไม่ชอบ ยาว)
2.ถ้าแรลลี่มามากๆแล้ว
อย่านอนใจ...อย่าคิดว่ารอบที่แล้วก็ได้
รอบก่อนก็ได้...รอบนี้ต้องได้อีก...มีกำไรต้องแบ่งขายบ้าง
(การเสียโอกาส
เกิดขึ้นได้เสมอ)...ถึงจุดคัทก็ต้องคัท
ห้ามอิดออด...เพราะมันมาสูงมากแล้ว...โอกาสจบรอบมีสูง นั่นเองครับ
nmg...ผมก็ดูครับ..แต่ไม่ได้แหย่
พ้อยต์ที่น่า สนใจ
1.ทำไมวันนี้ช่วงบ่ายเซ็ตเขียว...มันทิ้งดิ่งตามพี่ใหญ่ทั้ง
4(ภาพ #51)ในเวลาไล่เรี่ยกันกัน
อิอิอิ
ไม่ได้แย้งพี่ช่างไฟเน้อ...แต่ข้อสังเกตุว่า กราฟเดย์ 3แท่งแดงหลังรวมกันไม่น้อย..กราฟนาที
ยังกะก๊อปกันมา
...เขาอาจเล่นเป็น ทีม...ถ้าพี่ใหญ่ทั้ง 4 ลงต่อ...น้อง
nmg อาจลงตาม...เลิกยันบิด รอซึมลงเอาของแทนครับ
tgpro...ตลาดเขียว...ในเวลาไร่เรี่ยกัน ทำไม?
csl...ทำไม ดีดเฮือกสุดท้ายก่อนขาย
ก่อนกลัวไม่ทันเพื่อน...
jas... งบก็ดี...เซ็ตก็เขียว...หุ้นปั่นระดับพันล้าน....ทิ้งดิ่งทำไมช่วงบ่าย?
แพทเทิร์นหุ้นขึ้นรอบ...แบบนี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
เริ่ม ต้น...พัก...ไปต่อ..จบรอบ..เป็นเรื่องธรรมชาติ...เฉกเช่นสัจธรรมที่เราหนี
ไม่พ้น...เกิด แก่ เจ็บ ตาย (อิอิอิ ไปโน่น)
แต่เทคนิคของเราที่ย้ำ เสมอ...เข้าแต่เนิ่น
หรือเข้าแต่แรกเกิด...หรือเข้าตอนพักตัว...ถ้าเกิดแล้วไม่รอด
เราก็ออกไม่เจ็บตัว....ถ้ากิดแล้วเติบโตต่อ
ช่วงพีคๆก็ขาย...ตอนพักเหนื่อยก็กลับเข้าซื้อ...
พอเขาจบจนไปไม่ไหว ก็ขายทั้งหมดออกมา..
ป้ญหาใหญ่ของรายเม่าเรา ในการเล่นหุ้นคือ
1.ซื้อ แล้ว
มีกำไรก็ไม่ขาย...เพราะไปยึดติดประสบการณ์หุ้นรายตัวที่เคยประทับใจว่า...
ตรูเคยขายแบบนี้หล่ะ ขายแล้วมันวิ่งปรื๊ดๆๆๆๆๆ
ตรูไม่ยอมเป็นแบบนั้นอีกแว๊วววว.....แล้วหุ้นส่วนใหญ่ที่ผ่านมาหล่ะ...เป็น
แบบนั้นหรือเปล่า?
2.ขาดทุนไม่ยอมคัท....ฮ่วยยย ถือไว้จั๊กหน่อย
เด๋วมันก็เด้ง...ที่ที่คัทแล้วดันเด้งขึ้นก็มีให้เห็นบ่อยๆ
ที่ลงต่อก็ไม่น้อยเช่นกัน...แบบไหนที่เราเลือกจำ แบบไหนที่ปลอดภัย...สอดคล้องหรือสวนทางกันหรือไม่
...ฝากให้คิดก่อน ครับ
ถ้าโฟกัสหุ้นแบบรายตัว....โอกาสชนะ ตลาด
ในระยะยาว มีน้อยครับ
เล่นหุ้นต้องเล่นเป็นระบบ
มองภาพรวมทั้งหมดของพอร์ทเป็นก้อนเดียวกัน
และมีเครื่องมือควบคุม
ความเสี่ยงและเคร่งครัดรวมทั้งมีวินัยในระบบ...เราจึงจะรอด
พี่ halogen ใจดีมากครับที่สอนเม่ามือใหม่
ผมแค่อยากร่วมแชร์มุมมองครับ พี่ว่ายังไงแนะนำผมด้วยครับ
ผมเอาหลักการของพี่ไปพูดคุยกับพี่ที่ทำงานฟังเมื่อเช้านี้
เขาเลยแชร์มุมมองและหลักการเขาให้ฟัง ดูแล้คล้ายๆกัน
พี่ว่าหลักการนี้ดูเป็นไงบ้างครับ เขาเน้น volume การพักตัว
การยกตัวของราคา เป็นสำคัญครับ ผมสรุปคร่าวๆมาเพื่อแลกเปลียนกันครับ
- การเลือกหุ้นต้องขาขึ้นเท่านั้นที่ได้ผลดี
ถ้าไซเวย์ก็ความเสียงจะมากขึ้นมาก ขาลงนี่เลิกกันครับ ต้องหา
ตัว ใหม่ โดยหาหุ้นที่มี volume เข้ามากกว่าค่าเฉลีย
5 วันก่อนหน้า แล้วจดไว้แล้วติดตามอย่าง
ใกล้ชิดถ้าเข้าหลักการก็ลุย อ้อ
วิธีการนี้คือเกรงกำไรครับ พื้นฐานหุ้นจะไม่พูดถึงครับ timeframe
ที่ แนะนำคือ 60
นาทีนะครับ อันนี้แล้วแต่ใครถนัดแบบไหน ฝึกให้เหมาะกะตัวท่านเอง
- การซื้อจะ ซื้อเมื่อ volume น้อย
ให้รทำการลากเล้นตรงบาร์ของ volume ที่สูงสุดของแต่
ละรอบ ลงมาจนสุด แล้วหาจังหวะในการซื้อ
โดยต้องให้ราคาหลุดเส้น EMA 25 วันก่อนแล้วให้สัง
เกตุ ว่าราคามีการยกตัวขึ้น
โดยอาจตั้งซื้อที่ราคา EMA25 วันเลยครับหรือบวกลบอย่างละช่อง
ย้ำว่า
ราคามีการยกตัวขึ้นนะครับ
ตัวอย่างคื่อตรงวงกลมครับ
- ส่วนการขายนั้น ให้สังเกตุ volume อย่างเดียวเลยครับ
ให้สังเกตุว่าถ้าราคาถูกทำให้สูงขึ้น แต่ว่า
volume ไม่สูงกว่าเดิม หรือราคาหลุด EMV10
วันแสดงว่าหมดรอบครับ ตัวอย่างคือตรงสี่
เหลี่ยมนะครับ
- การถือต่อคือ ยิ่งถ้าราคายกตัวขึ้น มี volume
เข้าเป็นระยะๆ ยิ่งดี ถือต่อได้ แต่ถ้าราคาได้ทำสูงกว่าเดิมโดย volume
ไม่ทำมากกว่าเดิมต้องขายอย่างเดียว อย่ากลัวขายหมู
- การคัตลอส เมื่อเราได้หุ้นมาแล้ว
เราต้องคำนึงว่าเราต้องรักษาทุนเราเอาไว้ให้ได้มากที่สุด สำหรับผมให้มากสุด 3%
เพราะถ้าเกินนี้คือผิดจังหวะ ต้องไปฝึกการซื้อหุ้นใหม่
เป็น หลัการที่พี่ผมคนนี้ใช้อยู่ครับ
ผลโดยรวมก็ดีครับ เขาว่านะ แต่ต้องขยันหาหุ้น มีเวลาติดตาม
แต่ผมว่าอยู่ที่ตัวเรามากกว่าครับ แม้ว่าระบบจะดีเท่าใดแต่ใจสำคัญที่สุด
ถึงจุดซื้อต้องซื้อ ขายต้องขาย คัตต้องคัต อย่ามัวอ้อยอิ่ง ส่วนทำไมต้อง 3% ก็เพราะว่า เราเข้าซื้อแถวที่ volume
น้อย ทำให้มีการทำราคาได้น้อย เราจึงปลอดภัยระดัยหนึ่งครับ
ถ้ามีการลากขึ้นก็ดีไป แต่ลากลงนี่ต้องแสดงว่ามีอะไรแล้ว ออกก่อนดีกว่าครับ
ผมเคยติด JAS แถว 2.XX ครับจำตัวเลขไม่ได้
แต่ด้วยที่ว่า เอาน่าม้นเหมือน มีแรงื้อเข้ามาแล้ว ผลปรากฎว่าต้องตัดใจขายไป
บาทกว่าๆ ขาดทุนเกือบ 20% และเหตฺการณ์คือครูในการคัตของผม
ทุกวันนี้ผมถึงจุดเคาะขายที่ซ้ายแบบไม่สนใจต้นทุนว่าเท่าไหร่
เพราเราได้คานวนไว้แล้วว่าเราเสี่ยงได้เท่าไหร่
หุ้น...ความเสี่ยงไม่เท่ากับ 0
ดังนั้นเราต้อง มองโดยรวม...อย่าไปมองรายหุ้น
เช่นพลาดหุ้น...แพ้หุ้น RCL แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้
KKC KMC GRAMMYในช่วงเวลาเดียวกัน
พลาด uec upoic... แต่เราก็ได้
utp vibha rojna tipco pylon pm ฯลฯ เป็นกำไรสำรองมาก่อนหน้าแล้ว
....ถ้าเล่นไม่เป็นระบบ...ไม่มองภาพรวม ของพอร์ทในระยะยาว...เข้าหุ้นน้อยตัวเกินไป
เข้าหุ้นที่ดีดแรงๆโดยไม่รอให้พักตัวก่อน พลาดแล้วไม่คัท...แบบนั้นจะเข็ดหุ้น
และไม่ยึดหรือเล่นตามระบบเทคนิค(ทุกเทคนิค)กันได้ครับ
เมื่อพลาดหรือผิดทาง...ถ้าเล่นเทคนิค
ต้องกล้าคัท...ถ้ากล้าได้แต่ยามพลาดไม่กล้าเสีย ยิ่งจะทำให้เสียหายมากยิ่งๆขึ้น
แต่ส่วนตัวผมเอง เข้าใจดีว่าในบางครั้งก็
1.ติดงาน ติดธุระ
ไม่ได้เฝ้า...เลยทำให้ติดลบลงลึกเกินจะคัทในตอนนั้นเลย...แบบนี้เข้าใจกัน ได้ครับ
2.ไม่เคยคัทมาก่อน
ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าหุ้นซึมลึกเป็นอย่างไร หรือยังใหม่ๆกันอยู่ พอเห็นแดงๆแล้วก็รู้สึกเสียดาย
ไม่กล้าคัทขายออกมาแต่เนิ่นๆ
...อันนี้ก็เข้าใจดีเช่นกัน
...เพราะผม เอง ก็เคยเป็น
เคยผ่านมาก่อนในทุกกรณีที่ได้กล่าวมา
ไปๆมาๆเลยกลาย เป็นดอย หรือติดลบถึง 10-20%
ก็มี....เอาหล่ะ
ถ้าเหตุการณ์เลวร้ายนี้มันเกิดขึ้นแล้ว....มาหาทางแก้กันดีกว่าครับ(ผมเคย
ใช้เมื่อสองสามปีก่อนครับ)
เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ สิ่งที่เป็นลบ
แนวทางการปรับปรุงแก้ไข
เราต้องมองให้เป็นบวก...และน่าจะดีกว่าอยู่เปล่าๆโดยไม่ทำอะไรเลย
ผม มีทางเลือกให้ท่านได้พิจารณา 3
ข้อดังนี้...อยู่ที่ท่านจะเลือกให้เหมาะกับตัวท่านเองนะครับ
ขอตั้ง ตุ๊กตาเป็นตัวอย่างดังนี้....
ติดดอยหุ้น XXX ที่ราคาทุน 1.0
บาท ณ ราคาปัจจุบันวันนี้เท่ากับ 0.90 บาท อยู่ 100,000
หุ้น ...คิดคร่าวๆก็ 10ช่องหรือ -10%
1.แบ่งหุ้นออกมา 1/4(25,000
หุ้น) แล้วตั้งขายที่แพงกว่าราคาปิดเมื่อวาน(0.90)สัก
+2% (2ช่อง)....ถ้าขายได้(ต้องขายได้แล้วเท่านั้น)...แล้วให้ไปบิดรับกลับ
25,000หุ้นเท่าเดิม ที่ราคาต่ำกว่า 0.90
สัก -2% (0.88)...ได้ก้ดี ไม่ได้ไม่เป็นไร
....มาดูแนวคิดกันครับ
หุ้นระหว่างวัน การสวิงราคาขึ้นลงสัก +/-2%
เป็นเรื่องปกติที่เป็นไปได้อยู่แล้ว...ถ้าเราไม่ตั้งขายไว้เลย อาจพลาดโอกาสได้
ถ้าขายได้ เท่ากับไม้นี้เราคัทแค่ -8ช่อง
...เสต็ปนี้ ต้องขายได้ก่อน ถ้าไม่ได้
วันหน้าเริ่มใหม่
ส่วนการรับกลับ...ถ้าได้กลับ มา
หุ้นเราก็มีเท่าเดิม แถมได้เปรียบเชิงกลของรอบมาอีก +2ช่องมากึ่งๆเฉลี่ยราคาหุ้น...แต่คนละเรื่องกับรับหุ้นเพิ่มมาถัวนะ
ครับ...เพราะหุ้นเรายังคงเท่าเดิม(และห้ามรับมาถัวเด็ดขาด)
...ถ้า ขายเสต็ปแรกแล้ว มันดันไม่ลงมาให้รับกลับ
ที่0.88 แล้วขึ้นต่อสูงกว่า 0.92ที่ขายออก...เราต้องมองบวกว่าหุ้นที่เหลือ
75,000หุ้น ซึ่งเป็นก้อนใหญ่ที่เหลือของเรา
เริ่มขาดทุนน้อยลงแล้ว...เราต้องยินดีในเชิงบวกอันนี้(ถ้าไม่มองบวกของการ
ตั้งใจแก้ไขในสิ่งที่เป็นลบอยู่ก่อนแล้ว...ระบบการแก้ไขเกิดขึ้นไม่ได้)
....ถ้า ขายเสต็ปแรกได้แล้ว...เสต็ป2
ตอนรับกลับ ดันไม่ได้หุ้นเพราะไม่ยอมลงมาถึง...พรุ่งนี้ตั้งรับใหม่ที่ -2%ที่ราคาปิด(ถ้าปิด
0.91 ก็ตั้งบิดขึ้นตามที่ 0.89) ให้ได้ครบหลูบก่อน...จนกว่าจะได้
จึงเริ่มตั้งขายที่ +2%
รอบใหม่อีกครั้ง......(และให้มองบวกอีกเช่นเคยว่าวันนั้นหุ้นเริ่มยืนได้การ มองบวก
ไม่ใช่การหลอกตนเอง...ถ้าไม่มีมุมมองที่เป็นบวก เราจะไม่กล้าทำอะไรเลย)
.....ถ้าวันนั้นขายได้ที่ 0.92
และได้หุ้นคืนที่ 0.88 แล้วมันดันลงอีกหล่ะ...เช่นเดิม ต้องมองบวก
ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ขายออกบ้างที่ 0.92
และรับกลับได้ถูกกว่า...ดีกว่าถืออยู่ที่ 0.90
เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยแน่นอนครับ
......ถ้าขายสเต็ปแรกไม่ได้(เสต็ป2
ก็ไม่เกิด) แล้วหุ้นมันลงต่อหล่ะ...ผลลัพธ์ก็เช่นเดียวกันกับถือหุ้นไว้เฉยๆนั่นเอง
ไม่มีอะไรแตกต่าง...แต่อย่างน้อยเราก็ได้พยายามที่จะแก้ไขมันแล้ว
....... ถ้าเป็นไปตามแผนทั้ง 2
สเต็ปและราคามาปิดที่ กลางๆหรือเท่าเดิม...พรุ่งนี้ก็ให้ทำเช่นเดิมอีก(ตั้งขาย +2%
ขายได้แล้ว ตั้งซื้อกลับ-2%)เช่นกัน ไปเรื่อยๆ...แน่นอนแต่ละวันจะมีการขาดทุนออกมาทุกวันจากขายไม้แรก
โดย
เฉพาะในระยะแรกๆ...ก็ให้ถือว่าเป็นการแบ่งคัทลอสออกบ้าง ... แต่ท่านลองคำนวนดู
ว่าถ้าราคาหุ้นนิ่งๆทรงๆอยู่ประมาณนี้...การทำแบบนี้แล้วได้ผล(อาจไม่ทุกวัน
หรอกนะครับ) ท่านจะขาดทุนน้อยกว่าคัทตูมออกมาทีเดียว...มองบวกไว้ครับ
******** ถ้าเป็นไปตามแผนและหุ้นทรงๆ
ก็เปรียบเสมือนแทนที่เราจะโดนลงแส้ 10ทีในวันเดียว...แต่เราก็อาจโดนแค่ 6(รวมได้เปรียบเชิงกลที่รับกลับด้วย)
ทีโดยโดนแค่วันละ 1ทีในเวลา 6วัน(ที่อาจไม่ติดกัน)...และความแรงของแส้ก็จะค่อยๆลดลงด้วย
...ความเจ็บ ปวดอาจน้อยกว่า...และตัวเลขทุนรอบ(ตัวเลขลวงนะครับ
เพราะเสมือนเราคัทไปในตัววันละ 8ช่อง ในจำนวนหุ้น 1/4ของทั้งหมด)ของเราที่เปลี่ยนแปลงไป
ก็จะทำให้เราสบายใจขึ้นได้กว่าเดิม(ไม่ใช่หลอกตัวเอง
เพราะเรารู้ที่มาที่ไปของมัน)...ลองค่อยๆพิจารณาดูนะครับ *******
2.โยกมาซื้อตัวที่ดีกว่า
คิดซะว่าเปลี่ยนตัวติดดอย...อันนี้หาสาเหตุหุ้นรายตัวนั้นๆก่อว่าลงเพราะ
เหตุใด...เช่นลงเพราะงบไม่ดี หรือน่าจะลงเพราะเจ้าออกแล้ว และทำท่าลงต่อ
แล้ว
มามองรวมทั้งพอร์ทว่าหุ้นใดน่าสนใจและเติบโตได้อีก...หรือหาหุ้นตัวใหม่มา
พิจารณาร่วมด้วย ว่าตัวไหนที่น่าสนใจมากกว่าตัวที่เราดอยอยู่
...แล้ว มองว่า หุ้น XXX ของเราที่ลงทุนไป
1000,000 แต่มูลค่าหุ้นของเราปัจจุบันมีอยู่แค่ 90,000นี้....มองว่าเงิน
90,000คือเงินของเรา...เราจะทำอะไรกับมันก็ได้
ดีกว่าไปฝากความหวังไว้กับหุ้นเดิมๆที่เราคิดว่าไม่ดีแล้ว
(แต่ถ้ายังคิด
ว่าดีและมีอนาคตอยู่ในเวลาไม่ช้า...จะถือต่อก็ได้)
...แล้วโยกเงิน 90,000ของเรานั้นออกมาครึ่งนึงหรือ
45,000 ก่อนมาซื้อตัวที่ดีกว่า
...ถ้า
ตัวที่แบ่งมาซื้อใหม่(ต้องเฟ้นให้ดีก่อนะครับ...เทคนิคไหนก็ได้
วีไอก็ไม่เกี่ยง...ผมว่ารวมๆ)ดีขึ้น ราคาขยับขึ้น...ถ้าตัวเดิมยังทรงๆหรือลงต่อ
ก็ค่อยๆแบ่งมาซื้อตัวใหม่เพิ่มอีกเรื่อยๆ จนตัวเก่าหมด
...ถ้าซื้อ ใหม่แล้วหุ้นใหม่นิ่ง
ลองเทียบกับตัวเดิมดู..ถ้าตัวเดิมก็นิ่ง
ก็ถือว่าไม่มีอะไรเสียหาย...คิดซะว่าเปลี่ยนตัวมาดอย(ความจริงไม่ดอย
เพราะถ้านิ่งๆก็ไม่ลบอะไร)
...ถ้าตัวที่ซื้อใหม่ลงพอๆกับตัวเก่า...
ผลลัพธ์เท่ากัน...แต่ถ้าเลวร้ายที่สุด
มันดันทำท่าลงลงกว่าตัวเดิม(น่าจะเกิดได้น้อย...เพราะเราเลือกเฟ้นมาดีที่
สุดแล้ว)...ไม่ใช่ว่าเกิดไม่ได้..ก็ถือว่าเราได้ทำดีที่สุดแล้ว
....ที่ ไม่ให้แบ่งมาซื้อทีเดียวหมดเลย เพราะเกิดหุ้นเดิมมันกลับลำขึ้นต่อ
ก็จะได้ไม่เสียโอกาสหรือเสียความรู้สึก
...แต่ข้อดีของมันคือ
เราสามารถเลือกเฟ้นหุ้นที่คิดว่าดีที่สุด
ปลอดภัยที่สุดตามแนวทางของแต่ละท่านมาเทียบเคียงตัวดอยเก่าที่ดอย อาจงบขาดทุน
และปัจจัยด้านลบระยะยาวเยอะ...แบบนี้ดีกว่าทนดอยอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรครับ
3.คัททิ้งทั้งหมดเลย แล้วเริ่มต้นใหม่....ง่ายดี
แต่ คาดว่าคนที่ดอยคงทำยาก
เพราะถ้าทำได้...คงคัทไปตั้งแต่ 3-5% แรกแล้ว
อ้อ..ถึง จะ -10%แล้วคัท
ก็ถืว่าไม่สายครับ...ถ้าหุ้นนิ่งนานและซึมลงเรื่อยๆ...เพราะแบบนั้นอาจลงต่อ
ได้อีกและเสียโอกาสกับหุ้นดีๆ(ทุกเทคนิค/ทุกแนว)...ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น