วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

นักเกรงกำไรเขาคือใครใครคือเขา






นักเกรงกำไรเขาคือใครใครคือเขา เรารู้แต่นักเกร็งลำไยนะฮ๊าฟฟฟ  555  มันกะอันเดียวกันละเด้อครับอ้าย ผมขอใช้คำว่านักเกร็งลำไยเด้อครับ นักเกร็งลำไยอย่างพวกเรา คือ คนที่สนใจสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา นักเกร็งลำไยจะมองที่ราคาของสินทรัพย์เป็นสำคัญ (ในที่นี้เว้าเรื่องหุ้นกันเด้อครับ) ร่วมด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ เช่น ปริมาณการซื้่อขาย(volume) แท่งเทียน สถาวะตลาด และข้อมูลเชิงเวลา ที่สัมพันธ์กับราคาด้วยเน้อครับ อย่าลืมตลาดถูกเสมอครับ 




นักเกร็งลำไยอย่างเม่าปออันปัน ไม่จำเป็นต้อง เน้นซื้อๆขายๆในช่วงเวลาสั้นๆเสมอไป แต่การเก็งลำไยสามารถเล่นกับช่วงเวลาที่ยาวหรือสั้นก็ได้ครับ แต่วันนี้ผมจะเล่าการเกร็ง ลำไยแบบยาวๆหน่อยครับ ตามเทรนที่มันไป ตามระบบเทรด ที่ออกแบบ เช่นยาวตามแนวโน้มใหญ่ระดับ นาที ชั่วโมง วัน สัปดาห์ ระดับเดือน หรือตามวัฎจักรของหุ้นนั้นๆ เราเรียกรูปแบบเหล่านี้ว่า การเก็งลำไยระยะยาวหรือป่าวหว่า คริๆ จักเอิ้นว่าหยังกะช่างมันเถอะครับ 555







ตรงนี้ถ้าศึกษาดีๆ ให้แตกฉานจะพบกลยุทธ์หรือระบบ ที่สามารถทำเงินและประสบกับความสำเร็จได้เช่นกันเด้อ บางคนก็อาจเสียเงินก็ได้นะครับ ใครที่ทำเงินได้ก็บอก โอ้ยหน้อจ้าว ฮะใจดีแท้ๆหลาย แจกตังค์เม่าปออันปัน ใครเสียเงินก็โอดโอยว่า โอ้ยจ้าวฮะหน้อ คือมาใจร้ายกะเม่าปออันปันตัวน้อยๆแท้หน้อ ฮื่อๆๆๆๆ    
 


เอาเป็นว่าการเป็นนักเก็งลำไยระยะยาว มีความเสี่ยง และมีข้อจำกัด ที่แตกต่างจากการเก็งลำไยระยะสั้น อยู่หลายประเด็น(แน่นอนว่ามีข้อเด่น ข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันด้วยครับ) ประเด็นหนึ่งทึ่ต้องตระหนักคือ ความเสี่ยงเรื่องวลาเด้อครับ การถือครองหุ้น ในพอร์ต ระยะเวลานานแปลว่า เรามีโอกาสรับความเสี่ยง ต่างๆทั้งแบบเป็นระบบและ ไม่เป็นระบบ จากปัจจัยภายในภายนอกเข้ามาได้เสมอ จำต้องระวังนะครับ เม่าปออันปันขอเตือนไว้เด้อ 
ดังนั้น การเกร็งลำไยที่ดี ควรทำอย่างไรหน้อ  เอาเป็นว่าเอาแนวคิดของเม่าปออันปันละกันเด้อครับ ผิดถูกก็แชร์มุมมองแลกเปลี่ยนกันเด้อครับเด้อ
การเก็งลำไย สิ่งสำคัญคือ ต้องถูกที่ ถูกเวลา ถูกชะตา (สองอันแรกเป็นหลักวิชาการจริงครับ แต่ ถูกชะตา อันน้ผมมั่วแถมๆให้มา 555 เป็นเรื่องจริงเด้อครับอ้าย คริๆ)




1."ถูกที่" (หมายถึงหุ้นเค้อครับ) คือ ต้องถูกตัว เลือกหุ้นมีอนาคตเติบโต มี story รองรับระยะยาว story นี่จะสร้างความคาดหวังในอนาคต  เพื่อให้เกิดคุณภาพของแนวโน้มราคาที่เป็นบวก บลาๆๆ แต่ถ้าคิดจะเป็นเม่าบลูชิฟปออันปันจำไว้เสมอ Volume & Spread เด้อครับอ้าย เราเป็นนักเก็งลำไย ส่วนต่างราคาคือ สิ่งที่มีค่า อะไรซื้อมาแล้วไม่เกิดกำไร ซื้อมาแล้วไร้อนาคต อย่าไปอมไปเสียเวลา และสมการที่นักเก็งลำไยไม่มาจะสั้นยาวต้องรู้จักคือ  
ราคาตลาด = มูลค่าพื้นฐาน + ความคาดหวังในอนาคต(+/-)
 การเกร็งลำไย เราวิเคราะห์กราฟราคาตลาด แต่ราคาเคลื่อนแกว่งไปมา มันมาจาก "ความคาดหวังในอนาคต" ที่แต่ละคนให้ไม่เหมือนกันครับ ตรงนี้คือแก่นสำคัญ การมองความคาดหวังในอนาคต คือ การมองปัจจัยเสี่ยงภายนอกภายใน ให้ครบ และกำหนดน้ำหนักความรุนแรง ดูว่ามันออกเป็น story เชิงบวกเป็นลบ ต่อ ราคาตลาด เว้าง่ายๆว่ามันบ่เขียวทุกวันเด้อบางวันกะแดง เขียวๆแดง ราคามันมีขึ้นมีลงเด้อครับอ้าย
เรามาดูปัจจัยเสี่ยงกันจักหน่อยครับ
1.      ปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น เกิดภายนอกบริษัท และอาจจะไม่มีมีความเสียหายในระยะยาว  เช่น ประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ , กำลังการซื้อของผู้บริโภค, อัตราดอกเบี้ย, นโยบายของภาคการเมือง , วัฎจักรอุตสาหกรรม , ต่างชาติ ซั่นดอกหว๋า

2.      ปัจจัยเสี่ยงภายใน เกิดกับตัวหุ้นเต็มๆ เช่น ต้นทุนการผลิต ต่างๆ การตลาด การแข่งขัน ช่องทางจำหน่ายสินค้าของบริษัท โอ้ยบานตะไท

ดั้งนั้นการมองความเสี่ยงแน่นอนว่ามัน ไม่ใช่จุดเข้าออก หรือสัญญาณซื้อขาย แต่ควรตระหนัก ควรรับรู้เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจ ในการซื้อขายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเลือกหุ้น  ไม่ใช่รัฐยกเลิกงานประมูลต่างๆ แต่ดันไปหาหุ้นรับประมูลงานรัฐ แบบนี้มันก็ไม่ใช่ครับเด้อครับเด้อ


 2."ถูกเวลา" จุดเข้าออก หรือสัญญาณซื้อขาย
คือ การวิเคราะห์ราคาตลาด จังหวะเข้าออกต้องฉลาด สอดรับกับแนวโน้มการเคลื่อนตัวของแนวโน้มราคาหุ้นแต่ละตัว  สอดคล้องวัฏจักรตลาด วัฏจักรอุตสาหกรรมช่วงขาขึ้น อาจจะไม่จำเป็นเข้าที่จุดต่ำสุดเสมอไป แต่ก็ต้องไม่ใช่ไปเข้ามั่ว ในจุดเสียเปรียบ ไม่ใช่เข้าตอยเขาวายแล้ว แบบนี่มีแต่ขาดทุนเด้อครับอ้าย หรือเข้าตัวที่เขาไม่เล่นกัน ไม่มี volume ไม่มี story แบบนั้นถือยาวอมดอย ลำไยก็ไม่เกิดเด้อครับอ้าย 
เมื่อมั่น ใจหุ้นดี หุ้นเติบโต จะต้องมองจังหวะให้ออก  ที่สำคัญจะต้องเข้าในจุดที่ได้เปรียบ จากความบิดเบี้ยวของ ราคา อันเกิดจาก ความคาดหวังในอนาคต หรือเกิดอารมณ์ตลาดนะครับ 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น